ไทยติดอันดับสอง ธุรกิจชานมที่ใหญ่ที่สุดใน6ประเทศอาเซียน
ชานมไข่มุกถือเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะชาวเอเชีย ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงรวมถึงเป็นแหล่งผลิตชาคุณภาพและมีหลากหลายแบรนด์ รวมถึงกำไรต่อแก้วที่สูง
บริษัท Momentum works ร่วมกับบริษัท qlub บริษัทโซลูชันการชำระเงินดิจิทัล เผยผลการศึกษากำลังการซื้อชานมไข่มุกใน 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน ปี 2564 พบว่า ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้จ่ายไปกว่า 3.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 129,000 ล้านบาท เพื่อซื้อชานมไข่มุกต่อปี โดยตลาดใหญ่ที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย มีมูลค่าการซื้อขาย ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่า 57,600 ล้านบาท ในขณะที่ประเทศไทยตามมาเป็นอันดับ 2 ซื้อชานมไข่มุก 749 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่า 26,964 ล้านบาท ด้วยกระแสความนิยมร้านชานมไข่มุกที่มีมากกว่า 31,000 แห่งทั่วประเทศ ตามมาติดๆกับเวียดนาม ซึ่งอยู่อันดับ 3 ซื้อขายชานมไข่มุกอยู่ที่ปีละ 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13,032 ล้านบาท อันดับ 4 สิงคโปร์มีมูลค่า 342 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12,312 ล้านบาท อันดับคือ 5 มาเลเซีย อยู่ที่ปีละ 330 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 6 ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ปีละ 280 ล้านดอลลาร์
โดยอุตสาหกรรมชานมไข่มุกทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 60-70 ซึ่งจากรายงานยังชี้ว่า ตลาดชานมไข่มุกในอาเซียนยังมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กหรือแม้แต่รายใหญ่ ซึ่งแตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ผู้เล่นรายใหญ่ได้ไล่กินรวบผู้เล่นขนาดย่อม นอกจากนี้ตลาดชานมไข่มุกเป็นตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่และรายเล็กสามารถอยู่ร่วมกันได้ และจากการศึกษาย้ำว่าการกำหนดราคาไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า “ลูกค้ายังตัดสินใจโดยพิจารณาจากการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าและความสะดวกในการเข้าถึง ซึ่งหมายถึงจำนวนร้านค้าที่แบรนด์มี”รวมถึงแบรนด์ที่มีทางเลือกที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเพื่อรองรับลูกค้า ผ่านการที่สามารถเลือกระดับน้ำตาลที่ปรับลดได้และทางเลือกที่ “ดีต่อสุขภาพ” เช่น ชาผลไม้สดที่ชงก็ยังถือเป็นกระแสที่ทำให้ลูกค้าสนใจในแบรนด์มากขึ้น
อ้างอิง : https://www.channelnewsasia.com/singapore/bubble-tea-consumers-study-southeast-asia-singapore-markets-business-brands-2885486